วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือการบินไทย ร่วมจับมือสร้างการเติบโตทางธุรกิจพร้อมคำนึงถึงการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่อโลกที่ดีขึ้นให้คนรุ่นต่อไป ผ่านความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยผสานความแข็งแกร่งของ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากลเพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ซึ่งมีนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนในระดับสากล และการบินไทย สายการบินคุณภาพสูงที่ให้บริการเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้านการบริการเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ มีเส้นทางบินและฐานลูกค้าทั่วโลก ที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสาร สินค้า และไปรษณีย์ภัณฑ์ทางอากาศอย่างครบวงจรทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ อีกทั้ง การบินไทยยังมีหน่วยธุรกิจอื่นซึ่งเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขนส่งทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็น บริการคลังสินค้า บริการลูกค้าภาคพื้น บริการอุปกรณ์ภาคพื้น ครัวการบิน และบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน
ความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาโอกาสในการการดำเนินธุรกิจร่วมกันโดยยึดหลักความยั่งยืน สร้างการเติบโตควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และ นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและพันธมิตรทางธุรกิจ ระหว่าง GC และ การบินไทย โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ GC และประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย เป็นประธานในพิธีลงนาม นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร นายพรชัย ฐีระเวช ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย พร้อมด้วย คณะกรรมการ และผู้บริหารระดับสูงของ GC และ การบินไทย ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานในพิธี ณ สำนักงานใหญ่ การบินไทย
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ GC และ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง GC และ การบินไทย เกิดจากจุดร่วมของทั้งสองบริษัทที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตระหนักถึงความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบันที่คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มีแนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายขององค์กรในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์
(Net Zero) ภายในปี 2050 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GC มี Sustainable Aviation Fuel (SAF) หรือ เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การบินไทยสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ โดยความร่วมมือนี้จะเพิ่มศักยภาพ สร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของทั้ง GC และ การบินไทยให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน หวังว่าการบรรลุข้อตกลงในครั้งนี้ จะนำไปสู่การขยายผลต่อยอด ผสานความร่วมมือในมิติต่างๆ เพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต
ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง CEO GC กล่าวว่า การผสานร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการนำศักยภาพ ของทั้ง GC และ การบินไทย มาร่วมมือกัน โดยการบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติ มีจุดแข็งทางด้านทรัพยากรบุคคล การให้บริการในระดับสากล ส่วน GC เราดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ มีฐานการผลิตทั่วโลก มีจุดแข็งด้านความยั่งยืน ที่มุ่งดำเนินธุรกิจบนหลักสมดุล ESG ระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและธรรมาภิบาลมาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือครั้งนี้ครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่ 1) ด้านการพัฒนาองค์ความรู้ด้านความยั่งยืน โดยใช้ประสบการณ์ของ GC เพื่อช่วยยกระดับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของการบินไทย 2) ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน โดย GC มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ พลาสติกชีวภาพ ผลิตภัณฑ์รีไซเคิล สินค้า Upcycling ที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ในกิจการของการบินไทย รวมไปถึงการนำระบบการจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร หรือ YOUเทิร์น Platform เข้ามาใช้ 3) ด้านการศึกษาพัฒนาการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF เป็นน้ำมันไบโอเกรดพรีเมี่ยมมีกำมะถันต่ำเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากฐานการผลิตของ GC และ 4) การเป็นพันธมิตรด้านการบริการและการเดินทาง โดยความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดธุรกิจร่วมกันและพร้อมต่อยอดขยายผลสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ ในอนาคต
นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย กล่าวว่า การบินไทย ในฐานะสายการบินแห่งชาติ มีความยินดีที่จะได้ร่วมกับ GC ศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนในทุกมิติ อาทิ การ Upcycling ขยะพลาสติกเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อบริการในเที่ยวบิน ผ่านโครงการ YOUเทิร์น ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการขยะพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร การใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ รวมถึงนำสินค้าชุมชนที่อยู่ในการสนับสนุนของ GC มาใช้เพื่อส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ และยังมีความร่วมมือด้านการพาณิชย์ แบบ Preferred Partner ด้านบัตรโดยสารรวมทั้งบริการอื่นๆ ในการเดินทาง และ THAI Catering อีกทั้งการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ผ่านโครงการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และโครงการศึกษาพัฒนาการนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของการบินไทยในอนาคต
ด้วยการผนึกกำลังของสองบริษัทในการสร้างความร่วมมือด้านธุรกิจและการพัฒนาในฐานะพันธมิตรที่มีความพร้อม และความมุ่งมั่น นับเป็นโอกาสอันดี ที่จะร่วมกันต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ ควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และสังคม เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน