ภาพประกอบ : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

ที่มาข้อมูล  : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ปี 2567 มีกระแสความนิยมหรือเทรนด์ (Trend) ต่างๆ ที่คาดว่าจะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่

เทรนด์สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี สินค้าและบริการที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สามารถตอบสนองความสะดวกสบายให้กับผู้คนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเข้ามามีบทบาทในการดำรงชีวิตแทบทุกด้าน เห็นได้จากสินค้าและบริการเหล่านี้มีอยู่ในเกือบทุกบ้าน ซึ่งการผลิตสินค้าและบริการด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ยังคงเป็นที่สนใจของผู้บริโภคอยู่เสมอ

เทรนด์การใส่ใจสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรต่างๆ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การใช้งานซ้ำ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น การที่ผู้ดำเนินธุรกิจให้ความใส่ใจในกระบวนการดังกล่าว ถือเป็นสิ่งที่สร้างความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจ

เทรนด์สังคมผู้สูงอายุ ปัจจุบันธุรกิจไม่อาจมองข้ามกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันถือว่าเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ และขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และมีอิทธิพลต่อคนในครอบครัว หากธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของสินค้าและบริการกลุ่มนี้ได้ จึงถือเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจในการขยายกลุ่มลูกค้าและเพิ่มสัดส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจได้

จากปัจจัยข้างต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดการณ์จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ปี 2567 น่าจะมีแนวโน้มเติบโตได้ดีขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีจำนวนการจัดตั้งทั้งสิ้น 85,300 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 12% ซึ่งส่งผลให้ในปี 2567 คาดการณ์ตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่อยู่ที่ 90,000-95,000 ราย เพิ่มขึ้นประมาณ 5 – 10% จากปี 2566 และคาดว่าจะมีนักลงทุนชาวต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 – 1.4 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 – 10%

 

นอกจากนี้ ภายใต้สภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง สภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง ภาคธุรกิจควรตั้งรับและปรับตัวให้ทันต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยอาจขยายตลาดและหากลุ่มลูกค้าใหม่ เพิ่มกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมทั้งรักษาฐานลูกค้าเดิม บริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนในการผลิต โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการให้เข้ากับความต้องการของตลาดมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบ จากกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อาจลดลง จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ผู้ประกอบธุรกิจควรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล หรือ ESG เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ สร้างความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนทั้งในประเทศและในระดับสากล