นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน หนึ่งในนั้นคือปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะเครื่องหมายการค้า ซึ่งเป็นอุปสรรคในการส่งออกสินค้าและบริการของไทยอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนที่ทำให้เจ้าของแบรนด์คนไทยไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้านั้นในต่างประเทศอีกต่อไป และในส่วนที่อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ตัวจริง โดยกลุ่มสินค้าที่พบว่าเครื่องหมายการค้าของไทยถูกละเมิดในต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าแฟชั่น รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมักพบการละเมิด
ใน 2 ลักษณะ คือ 1) บุคคลอื่นปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้ประกอบการไทย เพื่อนำไปทำตลาดแข่งในต่างประเทศ และ 2) บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการไทย เช่น ตัวแทนจำหน่าย (Distributor) ชิงนำเครื่องหมายการค้าไทยที่มีชื่อเสียงไปจดทะเบียนในต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถนำสินค้าซึ่งใช้เครื่องหมายการค้าของตนไปจำหน่ายในประเทศนั้นๆ ได้
กรมทรัพย์สินทางปัญญาเดินหน้าใช้มาตรการเชิงรุก ปกป้องสิทธิผู้ประกอบการไทยจากปัญหา
การถูกละเมิดเครื่องหมายการค้า ผ่านโครงการ Trademark Monitor หรือการเฝ้าระวังและตรวจสอบในช่วงขั้นตอน
ที่สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของต่างประเทศมีการประกาศโฆษณาเพื่อจะจดเครื่องหมายการค้านั้นหากไม่มีผู้คัดค้าน ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 60 – 90 วัน ตามกฎหมายของแต่ละประเทศ โดยกรมฯ เริ่มนำร่องตรวจสอบการประกาศโฆษณาของหน่วยงานทรัพย์สินทางปัญญาในกลุ่มประเทศอาเซียนและจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมโครงการมากกว่า 100 ราย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เมื่อกรมฯ ตรวจสอบพบการนำเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับของผู้ประกอบการไทยไปจดทะเบียนในประเทศเหล่านี้ก็จะแจ้งเตือนไปยังเจ้าของเครื่องหมายการค้าของไทยให้พิจารณายื่นคัดค้านการจดทะเบียนในต่างประเทศดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด พร้อมให้ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของกรมฯ ให้คำปรึกษาและแนะนำขั้นตอนการคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวตามกระบวนการของแต่ละประเทศ
จากการดำเนินการในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มีนาคม – กันยายน 2568) สามารถดำเนินการคัดค้าน
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของไทยในต่างประเทศได้ทันเวลาหลายรายการ อาทิ เครื่องหมายการค้า “Moo Deng” (หมูเด้ง) ขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยที่ตรวจพบในประเทศจีน เครื่องหมายการค้า “Hongthai Brand” ของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ที่ตรวจพบในประเทศจีนและเวียดนาม เครื่องหมายการค้า “IRPC” ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ที่ตรวจพบในประเทศจีน เป็นต้น นับเป็นการปกป้องสิทธิผู้ประกอบการไทยและช่วยระงับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที ซึ่งในกรณี Moo Deng (หมูเด้ง) หากเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ทราบว่าถูกละเมิดและทำเรื่องยื่นคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีนได้ทัน คาดว่าจะทำให้สูญเสียโอกาสทางการค้าในตลาดจีนสูงกว่า 300 ล้านบาท

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ Trademark Monitor ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการไทยจะถูกละเมิดเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการเสริมพลังให้ภาคธุรกิจไทยสามารถขยายตลาดสู่ประเทศต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งกรมฯ จะดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง
ในปีงบประมาณ 2569 โดยเจ้าของเครื่องหมายการค้าของไทยซึ่งมีแผนที่จะส่งออกสินค้าไปยังประเทศอาเซียนหรือจีน สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมเปิดรับผู้สมัครที่สนใจเข้าร่วมโครงการในเดือนพฤศจิกายน 2568 และจะคัดเลือกผู้ผ่านเกณฑ์ 100 ราย เข้าสู่การติดตามเฝ้าระวังการละเมิดเครื่องหมายการค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ กองเครื่องหมายการค้า กรมทรัพย์สิน
ทางปัญญา โทร. 0-2547-5006 สายด่วน 1368 หรือดูรายละเอียดเพิ่มที่เว็บไซต์ www.ipthailand.go.th